ประวัติ Kenneth Bruce Gorelick

ประวัติ Kenneth Bruce Gorelick

เคนเนธ บรูซ กอลีลิกซ์ (Kenneth Bruce Gorelick) รู้จักกันดีในชื่อของ เคนนี จี (Kenny G) เกิด 5 มิถุนายน 1956 เป็นนักดนตรีชาวอเมริกันที่เล่นดนตรีแนว adult contemporary และเป่าแซกโซโฟนแนวสมูธแจ๊ส เขาเริ่มประสบความสำเร็จจากอัลบั้มที่ 4 ดูโอ้โทนส์ (Duotones)" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ขายได้ถึง 28 ล้านแผ่น จึงทำให้เขามีชื่อเสียงมากในช่วงปี 1980 ผลงานของ เคนนี จี นับเป็นผลงานทางดนตรีที่ประสบความสำเร็จในยอดขายสูงที่สุดในโลก ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 75 ล้านก็อปปี๊ ในปี 1997 เขาได้รับการบันทึกในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ว่าเป็นบุคคลที่เล่นโน้ตแซ็กโซโฟนยาวนานที่สุดในโลก โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Circular breathing เคนนี จี ใช้แซ็กโซโฟน รุ่น E-Flat ซึ่งสามารถทำเวลาได้ถึง 45 นาที กับอีก 47 วินาที บันทึกไว้ที่ งาน เจแอนด์อาร์ มิวสิค เวิร์ด ณ นครนิวยอร์ก ผลงานเพลง ที่มีชื่อเสียงเช่น The Moment, Forever in Love, Song Bird, Endless Love, You're Beautiful, Titanic เป็นต้น โดยปัจจุบัน เคนนี จี ใช้แซ็กโซโฟนรุ่น เซลเมอร์ มาร์ก 6 โซปราโน, อัลโต และเทเนอร์ (Selmer Mark VI Soprano, Alto and Tenor Saxophones) นอกจากนี้เขายังไปเพิ่มบางส่วนของ แซ็กโซโฟน เข้าไปด้วย จึงเรียกแซ็กโซโฟนของเขาว่า แซ็กโซโฟน เคนนี จี

ชีวิตในวัยเด็ก

เคนนี จี เกิดที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน กับพ่อแม่ครอบครัวชาวยิว แม่ของเขาพื้นเพเป็นคน รัฐซัสแคตเชวัน, ประเทศแคนาดา และเติบโตย่านเมืองซีเวิร์ดพาร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวยิว เค้าเริ่มเข้ามาสัมผัสกับกับแซกโซโฟนเมื่อเขาชมการแสดงของคนคนหนึ่งในรายการ ดิเอ็ดซัลลิแวนโชว เขาเริ่มเล่นแซกโซโฟนครั้งแรกในปี 1966 เมื่อเขาอายุได้ 10 ขวบ เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นภายใต้การดูแลของนักเป่าแตรของเมืองชื่อ เจอราลด์ ฟิสเตอร์(Gerald Pfister) และฝึกซ้อมพร้อมกับเรคคอร์ด ส่วนใหญ่กับโกรเวอร์วอชิงตันจูเนียร์ (Grover Washington, Jr.) โดยวิธีการฝึกก็คือพยายามเลียนแบบเสียงที่เค้าได้ยิน แซ็กโซโฟนอันแรกของเขาก็คือ อัลโต้แซกโซโฟน ยี่ห้อ บิวเฟ่ต์ รุ่น คอมพอง (Buffet Crampon alto)เคนนี จี เข้าโรงเรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนวิทเวอร์ด อีลิเมนทารี่ สคูล (Whitworth Elementary School) เรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่ชาร์ปเพิล (Sharples Junior High School) ศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่แฟรงคลิน (Franklin High School) และจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ทั้งหมดอยู่ที่บ้านเกิดของเขาคือ ซีแอตเทิล เมื่อเขาเข้ามัธยมมีความพยายามที่จะเข้าร่วมกับวงดนตรีแจ๊สแต่ไม่สำเร็จ แต่เขาก็ความพยายามที่จะเข้าในปีถัดๆ ไปและจนกระทั่งเขาได้รับเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ในโรงเรียนสมัยมัธยมปลาย คือแฟรงคลินนั้นเขามีเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อว่า โรเบิร์ต แดมเปอร์ (Robert Damper) นักเปียโนกับคีย์บอร์ดซึ่งเป็นผู้เล่นในวงของเขา นอกเหนือจากการเรียนในสมัยมัธยม เค้าได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับแซกโซโฟน และคลาริเน็ตจากจอนนี่ เจสเซ่น (Johnny Jessen) 1 อาทิตย์ต่อปีนอกจากนี้เขายังได้อยู่ในทีมกอล์ฟของโรงเรียนในสมัยมัธยมปลายเขารักและชื่นชอบการเล่นกีฬาเริ่มมาจากพี่ชายของเขา , เบรน กอลีลิกซ์(Brian Gorelick),ที่แนะนำเขาเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ซึ่งเป็นตอนเดียวกันกับที่เขาเริ่มเล่นแซกโซโฟน

เส้นทางอาชีพ

เส้นทางอาชีพของเคนนี จี เริ่มต้นงานของไซด์แมนในวงเบรี่ไวท์ เลิฟ อันลิมิเต็ด ออเคสตร้า (Barry White's Love Unlimited Orchestra) ในปี 1973 ขณะนั้นเขามีอายุ 17 และยังอยู่มัธยมเขายังคงเล่นดนตรีอาชีพขณะเรียนเมเจอร์ในสายบัญชีในมหาวิทยาลัยวอชิงตันในเมืองซีแอตเทิลและจบการศึกษาโดยได้รับเกียรตินิยม(magna cum laude)เขาเข้าร่วมกับวงดนตรีสุดเจ๋งแนวฟังก์ ก่อนจะก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกของเจฟลอเบอร์ฟิวชั่น(Jeff Lorber Fusion)เขาเริ่มการแสดงเดี่ยวในสายอาชีพหลังจากช่วงเวลากับเจฟลอเบอร์

เคนนี จี เซ็นสัญญากับอริสต้า เรคคอร์ด (Arista Records) ในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 1982, หลังจากประธานอริสต้า เรคคอร์ด ไคลฟ์ เดวิส(Clive Davis) ได้ยินการตีความของเพลง "แดนซ์ซิง ควีน(Dancing Queen)"เขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวเป็นจำนวนมาก(solo albums) และมีโอกาสร่วมกับศิลปินมากมายรวมถึงอันเดรอา โบเชลลี, วิตนีย์ ฮิวสตัน, พีโบ ไบรสัน, อารอน นิววิว (Aaron Neville), โทนี แบรกซ์ตัน, ดีเจแจ๊สซี่ แจฟ แอนด์เดอะเฟรชปริ้น (DJ Jazzy Jeff & The Fresh Prince),นาตาลี โคล, สตีฟ มิลเลอร์ (Steve Miller),วีเซอร์, ดัสลี่ มัวร์ (Dudley Moore), ลี ริทนาวร์ (Lee Ritenour), เดอะริฟพิงตัน (The Rippingtons), ไมเคิล โบลตัน, เซลีน ดิออน, แฟรงก์ ซินาตรา, สโมกีย์ โรบินสัน, เบเบิ้ล กลิลเบอร์โต้ (Bebel Gilberto), จอร์จ เบนสัน, แชนซ์ มัวส์ (Chante Moore) และอารีธา แฟรงคลินที่มีอิทธิพลมาจากแซกโซโฟน กอร์เวอร์ วอชิงตัน จูเนียร์ (Grover Washington, Jr) และอัลบั้มของเขาถูกจัดอยู่ในสมูทแจ๊ส เคนนี จีได้รับความสำเร็จอย่างมากกับผลงาน จีฟอร์ต และ แกลฟ์วิตี้ (G Force and Gravity) และมีอัลบั้มที่ 2 และ 3 ตามมาเป็นลำดับ,ความสำเร็จของเขาคือ แพลตตินั่ม สเตตัส (platinum status) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ยอดขายติดอันดับสูงในอัลบั้มที่ 4, ดูโอ้โทน (Duotones), ถูกขายได้มากกว่า 5 ล้านก๊อปปี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว. ในอัลบั้มที่ 6 ของเขา "Breathless", กลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดเท่าที่เคยมี มียอดขายมากกว่า 15 ล้านก๊อปปี้ ซึ่งขายได้ 12 ล้านก๊อปปี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาทำลายสถิติอีกในอัลบั้มที่เป็นวันหยุดแรกของเขา นั่นคืออัลบั้ม "Miracles", ถูกขายได้มากกว่า 13 ล้านก๊อปปี้, ทำให้มันเป็นอัลบั้มคริสมาสต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบัน

ในปี 1997, เคนนี จี ได้รับการบันทึกในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ในการเล่นแซกโซโฟนที่ยาวนานที่สุดบรรดาในการเป่าแซ็กโซโฟนที่เคยถูกบันทึกไว้ โดยมีการใช้เทคนิควิธีการระบายลมหายใจคือการเป่าที่มีลมเป่าต่อเนื่องยาวนานต่อเนื่องไม่ขาดช่วงนั้นเอง ที่เรียกกันว่า "circular breathing", เคนนี จีสามารถเป่าแซ็กโซโฟนรุ่น E-flat ได้เวลา 45 นาที 47 วินาที ที่เจแอนด์อาร์มิวสิคเวิลด์ ในเมืองนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกัน, เคนนี จี ได้มีเพลงชื่อ "Havana", ในอัลบั้มของเขาที่ชื่อว่า "The Moment", ที่ถูกสร้างและเรียบเรียงใหม่โดย "DJs Todd Terry" และ"Tony Moran" และถูกปล่อยเพื่อโปรโมทในคลับเต้นรำในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลายเป็นติดชาร์ตเบอร์ 1 ในบิลด์บอร์ดแดนด์คลับในเดือนเมษายน ปี 1997(บิลบอร์ด ฮอตแดนซ์คลับเพลย์)

เคนนี จี ในปี 1999 มีซิงเกิล "What A Wonderful World" ซึ่งได้รับคำวิจารณ์มันใช้วิธีการอัดเสียงลงไปอีกที กับเสียงที่มีอยู่แล้ว (overdubbing) เพลงคลาสสิคของหลุยส์ อาร์มสตรอง เขาได้รับคำวิจารณ์หลักๆ จากคนที่เขาเคารพนับถืออย่างศิลปินเช่น อาร์มสตรอง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีที่จะช่วยในการปรับปรุงผลงานของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักดนตรีที่มีความลึกซึ้งและมีความเข้าใจในด้านดนตรีคลาส สิคแจ๊สก็จะมีคำถามบางคอลัมน์นิสต์ได้มีการวิจารณ์บอกว่าผลงานของ เคนนี จี เปิดกว้างสำหรับผู้ฟังในวงการดนตรีคลาสสิคแจ๊ส,แต่การวิจารณ์โดยรวมเป็นการวิจารณ์เป็นไปทางลบ ใน เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000, เคนนี จี ได้ถูกเชิญไปยังทำเนียบขาวและทำการแสดงบนเวทีให้กับผู้ว่าการรัฐและสมาชิก รัฐมนตรีของประธานาธิบดี บิล คลินตันเคนนี จี มีการบันทึกเพลงจีน อย่างเช่น เพลง โม่ลี่ฮัว หรือ เยว่เหลียงไต้เปี่ยวหวอเตอซิน เพลงของเขาได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน. เพลงของเขาอย่างเพลง "Going Home" มักจะถูกเล่นในเวลาปิดในที่สาธารณะหรือเวลาจบคลาสเรียนของโรงเรียน ระบบขนส่งมวลชนในเทียนจินและเซี่ยงไฮ้จะเล่นเพลงนี้เมื่อรถไฟเข้าใกล้สถานีปลายทาง ในช่วงปี 2003, เคนนี จี เป็นหนึ่งใน 25 ศิลปินที่มียอดขายสูงสุดในอเมริกาที่ถูกจัดอันดับโดยสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา(RIAA), 48 ล้านอัลบั้มที่ขายในสหรัฐอเมริกาที่ถูกขายในสหรัฐอเมริกาในช่วง 31 กรกฎาคม ปี 2006 ในปี 1994, เคนนี จี ได้รับรางวัลชนะในแกรมมีอวอร์ดในฐานะเพลงรักตลอดกาล(Grammy Award for Best Instrumental Composition) ในเดือนตุลาคม ปี 2009, เคนนี จี ปรากฏตัวขึ้นพร้อมวงวีเซอร์ ในบริษัทเอโอแอล มีการโปรโมทส่งเสริมการขายอัลบั้มของพวกเขาที่ชื่อว่า"Raditude" โดยมีการโซโลเพลง "I'm Your Daddy" เคนนี จี บอกว่าเขาไม่รู้จักการแสดงของวงวีเซอร์มาก่อน แม้ว่านักวิจารณ์เพลงบางคนด้วยเหตุนี้ทำให้กลับมาวิจารณ์ในการกลับมาทำงานร่วมกันของพวกเขา โดยเป็นการรวมตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อโดยมีการตอบรับอย่างดีโดยนิตยสาร AOL magazines Spinner.com และ Popeater.com ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011 เคนนี จี และดนตรีของเขาเป็นส่วนสำคัญในโฆษณารถยนต์ซูปเปอร์โบลว์เอ็กซ์แอลวีของออดี้ เรียกว่า "Release the Hounds.และเคนนี จี เริ่มเขาสู่หนังสั้นในหนังมีรายละเอียดเกี่ยวกับเขาเป็นหน่วยปราบปรามอยู่ในเรือนจำที่หรูหราเมื่อเร็วๆนี้, เขาได้ปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอป๊อบสตาร์ของนักร้องคือ เคที เพร์รี(Katy Perry's single) ในเพลง"Last Friday Night (T.G.I.F.) " กับลุงเคนนี่(เรียก เคนนี จี ว่าลุง) ในวันที่ 8 เดือนตุลาคม ปี 2011 เรื่องราวชีวิตของคืนวันเสาร์(Saturday Night Live),เคนนี จี ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงนักร้องโซปราโนกับแซกโซโฟนของเขา เข้าร่วมกับวงดนตรีร๊อค(อัลเทอร์เนทีฟ) วงมีชื่อว่า"Foster the People" กับการแสดงในเพลงของพวกเขาที่ชื่อว่า "Houdini."เคนนี จี ยังมีชื่อเสียงในการจัดรายการวิทยุและสามารถได้ยินเสียงของเขาทุกเช้าร่วมกับแซนดี้ โควัค (Sandy Kovach) ในรายการ WLOQ ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา